Site icon A Good Many

A Good Many ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

Rome was not built in a day

-ไม่ทราบที่มา-

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทั้งหลาย วันนี้เป็นวันที่เท่าไรนั้น ผมไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจจริงๆนะครับ หลังจากที่ระดมมันสมองที่พอจะมีติดอยู่ในเนื้อสมองขนาดเท่ากำปั้นของมนุษย์ทั่วไป ปลุกปล้ำ เอิ่ม. . . ผมพยายามจะหาคำใหม่มาทดแทนคำนี้ แต่ต้องบอกว่าคำๆนี้มันถูกจริตที่สุดแล้วในเวลานี้ครับ ผมปลุกปล้ำการดำเนินการสร้างเว็บไซต์ต่างๆ มาอย่างยาวนาน จนมาถึงวันนี้ . . . เรียกได้ว่าการเดินทางครั้งนี้สำคัญจริงๆ ครับ เพราะมันไม่เพียงแต่ความสำเร็จเท่านั้นที่เราได้รับมา แต่ระหว่างทางนั้น เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆอย่างมากมาย เป็นประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งเราได้ผ่านจุดๆหนึ่งมาแล้ว พอมาถึงตรงนี้แล้วลองมองย้อนกลับไปมันไม่มีคำว่าไม่ดี หรือไม่ได้อะไรขึ้นมา หรือเสียดายอะไรขึ้นมาเลย ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้การเริ่มใหม่ที่แทบจะทั้งหมดในครั้งนี้มันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของผมพอสมควร รวมทั้งเกินเงินในกระเป๋าไปหลายบาทไทยอีกด้วย นั่นคือ “แรงบันดาลใจ” เป็นแรงบันดาลใจที่เกิดจากการที่เรามองเห็นหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างรอบๆ ตัวเราที่มัน “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” มันเป็นธรรมดามากของโลกใบนี้ ที่มันมีเจ้าสามสิ่งนี้อยู่ นั่นจึงทำให้ผมเริ่มคิดแล้วว่า “จะทำอย่างไร” ให้สิ่งที่เราได้รับรู้มาเหล่านั้น ถูก “แบ่งปัน” ไปให้คนอื่นสักทางใดทางหนึ่ง แล้วให้มันเกิดประสบการณ์ในการรับรู้ที่ดียิ่งขึ้นกว่าที่เราเคยทำมา เพื่อให้เรื่องราวต่างๆมัน “เกิดขึ้น คงอยู่ และมีประโยชน์ตลอดไป”

นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้น ที่เป็นจุดเริ่มต้นบทแรกของ

“A Good Many”

แต่ก่อนอื่นเลยนั้น เราลองมาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าครับ

ทำความรู้จักกันก่อน

A Good Many Logo

เริ่มแรกเดิมทีต้องบอกไว้ก่อนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา มันคือครั้งที่เท่าไรแล้วนั้น ผมก็ยังจำได้ไม่แม่นยำนัก หลายต่อหลายครั้งที่ทำไปสักพักก็หยุดทำ หรือย้ายไปทำแบบอื่น โดยเป็นนิสัยส่วนตัวของผมเองที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ โดยมีแนวคิดแค่ว่า

“อยากทำ”

ซึ่งหลังจาก อยากทำ ไปแล้วก็มักจะไม่ค่อยต่อเนื่องสักเท่าไร ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่างในชีวิต เอาเป็นว่าผมจะสรุปเป็น Timeline ของการเดินทางครั้งนี้ให้ดู เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เลยละกันนะครับ เพราะว่าหลายๆ อย่างมันค่อนข้างที่จะอธิบายเปล่าๆ ยากพอสมควร เอาเป็นว่า ขอเริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะมีแนวคิดในการทำเว็บไซต์ส่วนตัวเลยนะครับ เอาหล่ะ เรามาย้อนเวลากัน . . . (ตัวเลขระบุเป็นปี พ.ศ. นะครับ) . . . บอกก่อนนะครับ เรื่องราวเหล่านี้ค่อนข้างยืดยาว หากสนใจอ่านต่อไปขอแนะนำท่านผู้อ่านทั้งหลาย ปิดมือถือ และนั่งอ่านอย่างสงบได้เลยครับ (ทานป๊อปคอร์นกันเบาๆด้วยนะครับ)

ประวัติก่อนจะมาเป็น A Good Many

ภาพจาก Pantip.com

ห้องปฏิบัติการณ์ทางภาษา(Sound Lab Room)

นิยามง่ายๆของห้องนี้คือห้องมัลติมีเดียที่เน้นการเรียนการสอนทั้งภาพ แสง สี เสียง อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา ตอบโต้กันด้วยไมค์คอนเดนเซอร์คุณภาพดีที่แนบติดอยู่กับหูฟังมอนิเตอร์ที่มีขนาดไดร์เวอร์ใหญ่ ตอบสนองย่านเสียงทั้งสูง กลาง ต่ำ ได้เป็นอย่างดี มีปุ่มเรียกไปยังผู้ควบคุมเพื่อแสดงการโต้ตอบกับผู้ควบคุมได้ทั้งสองทาง มีปุ่มปรับระดับเสียงด้วยตนเองอย่างอิสระ มีปุ่มพักการสนทนาด้วยไมโครโฟนของตนเอง ในส่วนของทางฝั่งผู้ควบคุมจะมีปุ่มการจัดการมอนิเตอร์แสง สี เสียงทุกอย่างอย่างเพียบพร้อม มีการเล่นมีเดียด้วยเทปคาสเซ็ท 2 สล็อต ปุ่มเปิดปิดรางจอสำหรับเครื่องฉายสไลด์ ที่สำคัญมากไปกว่านี้คือ ในห้องนี้มีแอร์ที่เย็นฉ่ำจับขั้วหัวใจ และส่วนใหญ่เราใช้เวลากับห้องนี้เพราะต้องการแอร์เย็นฉ่ำแค่นั้นเอง ระบบที่พูดมาใช้ไปเพียง 10% เห็นจะได้

ผ่านไปสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของห้องซาวน์แล็ป นี่ยังไม่ถึงเรื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกเลยนะครับ จำได้คร่าวๆช่วงนั้นได้มีโอกาสเรียนคอมพิวเตอร์ ก็สมัยเข้าเรียนระดับประถมศึกษากับโรงเรียนประถมเอกชนในอำเภอ นั่นคือโรงเรียนพระหฤทัยสวรรคโลก นั่นเอง โดยทางโรงเรียนเริ่มมีการจัดการเรียนการสอนวิชาคอมพิวเตอร์แล้วซึ่งในระดับชั้นสูงๆกว่าเราเค้าเริ่มเรียนกันไปหลายรุ่นแล้วหล่ะครับ เท่าที่จำได้รู้สึกว่าผมจะเป็นรุ่นแรกๆเลยที่ได้รับการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ในระดับล่างลงมาคือชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และนี่คือภาพคร่าวๆของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น

ภาพจาก Youtube

หน้าตาประมาณนี้ครับ จำไม่ได้ว่ายี่ห้อ หรือรุ่น หรือสเปคอะไร รู้แค่ว่าเป็นระบบปฏิบัติการณ์ Windows 95(ไม่ใช่ Windows 98 แบบในภาพนะครับ) และที่จำได้แม่นยำเลยคือมันมีช่องใส่ฟลอบปี้ดิสก์(Floppy Disk) ด้วย ถ้าหลายคนไม่เคยเห็นก็จิ้มเลยครับ ที่นี่ ครั้งแรกที่ใช้งานจำได้แม่นยำเลยว่าเราเรียนการเปิดปิดเครื่องอยู่เกือบๆสิบนาที ไม่ใช่ว่าอาจารย์ท่านสอนช้านะครับ รอเครื่องตอนช่วงมันเปิดขึ้นมานี่แหละครับ เปิดเครื่องนานมาก หลังจากนั้นก็เรียนพิมพ์ดีดผ่านโปรแกรมดอส(MS DOS) ชื่อโปรแกรมอะไรจำไม่ได้แล้วครับ แต่มันต้องพิมพ์ “ฟหกด ่าสวง ฟหกด ่าวง” แบบนี้ไปเรื่อยจนผ่านไปทีละขั้นๆ หรือไม่อย่างนั้นก็เล่นเกมส์เครื่องบินทิ้งระเบิดลงมาเป็นตัวอักษร แล้วให้เราจิ้มตัวอักษรนั้นๆให้ทันก่อนที่มันจะถึงพื้น ก็สนุกดีนะครับในช่วงเวลานั้น และที่สำคัญผมยังไม่รู้จักกับอินเตอร์เน็ตเลยครับ ยังคิดว่าคอมพิวเตอร์มันทำงานด้วยตัวมันเองคนเดียว ผ่านกล่องเหลี่ยมๆ โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกับใครเลยด้วยซ้ำ

ภาพจาก postjung.com

นอกจากนี้เริ่มรู้จักแล้วครับว่ามันมี ระบบอินเตอร์เน็ต คือการเชื่อมต่อติดต่อสื่อสารระหว่างกันโดยผ่านทางสายสัญญาณอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่พอร์ตโมเด็ม 56k Download ได้สูงสุดที่ความเร็ว 56 kbps. อัพโหลดได้สูงสุดที่ความเร็ว 33.6 kbps. ถือว่าเปิดโลกมากในสมัยนั้นแม้จะใช้เข้าเพียงแค่ Google และไม่รู้จะพิมพ์อะไรต่อก็ตาม และที่สำคัญเสียงการเชื่อมต่อมันเสนาะหูมาก

เสียงเชื่อมต่อของโมเด็ม 56k
เกม Beach Head 2000

นอกจากนี้ยังจำได้ดี มาได้แค่วันเดียว วันต่อมาผมจัดการถอดฝาเคสออกพร้อมดูหนังสือที่สอนประกอบคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมาเมื่อปีที่แล้วเป็นไกด์ไลน์ในการดูการประกอบติดตั้ง อุปกรณ์ต่างๆภายใน ล้วงแคะแกะเกาอยู่นั่นแหละ และอีกอย่าง ผมอิจฉาเจ้า iMac G3 มากเพราะมันสวยจริงๆ ทำไม PC ผมมันไม่เป็นแบบนั้น ฮ่าๆๆ อ้ออีกอย่างซื้อโต๊ะทำงานมาใหม่เลยนะ เป็นโต๊ะเหล็กมีลิ้นชักแบบสำนักงาน เอามาทำเป็นโต๊ะคอมด้วย ทำการบ้านด้วย เป็นโต๊ะที่ลิ้นชักที่มีใส่ของไปเท่าไรก็ล้นออกมาวางข้างนอกทุกทีไป ฮ่าๆๆ นอกจากนี้ยังติดต่อ TOT มาติดตั้งโมเด็มอินเตอร์เน็ตเพิ่มอีกด้วย ต่อครั้งละ 3 บาท เล่นอินเตอร์เน็ตสนุกสนานเลย แต่ถามว่าเล่นอะไร ช่วงนั้นก็มักจะเอาไว้หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์นี่แหละครับ และเข้าเว็บไซต์พวก Pantip.com หาอ่านความรู้ต่างๆจากในนี้

โปรแกรมมหาหมอดู

ส่วนเรื่องของเว็บไซต์นั้นระหว่างนี้ห่างหายไปเลยครับ แม้ช่วงนั้นจะมี WordPress ที่มาพร้อมกับปลั๊กอินสารพัดก็ตาม แต่ผมดันไปสนใจเรื่องการเขียนโปรแกรมซะมากกว่า มันจึงเป็นการห่างเหินการเขียนเว็บไซต์ไปเลย นอกจากนี้ยังหารายได้พิเศษโดยการรับแผ่นซีดีมาขายปลีกภายในโรงเรียน ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เครื่องเล่น VCD ฮอตฮิตมาก โดยต้องซื้อเป็นกล่องจากตลาดมาขายเป็นแผ่นๆให้กับไรท์เตอร์ทั้งหลายในโรงเรียนซึ่งมักจะเป็นพวกเพลงและหนังภาพยนต์ การ์ตูนต่างๆตามแต่จะมีลูกค้าซึ่งก็คือเด็กนักเรียนด้วยกันมาสั่ง ต้องบอกว่านี่เป็นรายได้ที่พอทำให้เราได้มีเงินเก็บพอประมาณเลย แต่ถามว่าทำไมไม่ไรท์แผ่นขายเองเลยทำไมแค่ขายแผ่นซีดีให้คนอื่นไปไรท์อย่างเดียว ก็ต้องย้อนกับไปยังคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมานี่แหละครับ ตัวซีดีไรท์เตอร์ที่ติดมากับเครื่องเป็นรุ่นแบบพอไปวัดไปวาได้ใช้เพียงแค่อ่านเท่านั้นเขียนไม่ได้ อีกอย่างการลงทุนซื้อเครื่องซีดีไรท์เตอร์ตัวใหม่เห็นทีจะไม่คุ้มเป็นอันมาก เพราะสมัยนั้นถึงแม้จะเป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากการเล่นเพลงด้วยเทปคลาสเซ็ต(Cassette Tape) ผ่านเครื่องเล่นซาวน์อะเบาท์ (Soundabout) มาเป็นเครื่องเล่นแผ่นซีดีพกพาแบบโซนี่วอล์คแมนแล้ว อีกอย่างเริ่มมี DVD มาแทนที่ CD อีกด้วยเน้นจุข้อมูลได้เยอะกว่าถือเป็นสินค้าไฮเอนท์เลยในสมัยนั้น แต่มันมีของใหม่กว่าที่ผมประเมินแล้วว่ามันน่าลงทุนมากกว่านั่นคือ เครื่องเล่นเพลงแบบแฟลชไดร์ฟ อย่างช่วงนั่นที่ฮิตกันมากเลยเห็นจะเป็นเจ้าเครื่องครีเอทีฟ มิวโว ซึ่งการลงเพลงก็ใช้แค่พอร์ตยูเอสบีธรรมดาเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เท่านั้น นี่จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ผมเน้นลงทุนมากกว่า กำไรจากการขายแผ่นซีดีจึงมาจับเครื่องเล่นเพลงแบบยูเอสบีลงเพลงพร้อมขาย ได้กำไรดีกว่า และทำกำไรเพิ่มเติมจากการลงชุดเพลงใหม่ๆได้ดีกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เพลงที่ใช้ฟังกันสมัยนั้นบอกเลยว่าเถื่อน 100% ส่วนใหญ่ถ้าไม่มาจากแผ่น cd mp3 แบบรวมเพลงมาแล้ว ซึ่งมักจะมีขายตามตลาดนัดทั่วไป แผ่นละ 60 บาท หรือเหมา 3 แผ่น 150 บาท ก็จะเป็นการอัดเพลงจากวิทยุสถานีกรุงเทพ ยุคนั้นต้อง ฮ็อตเวฟเรดิโอ ที่มักจะมีเครดิตสถานีแทรกอยู่ในเพลงที่ฟังเสมอ นั่นแหละครับเป็นเรื่องเล่าของโอกาสในการหารายได้สมัยก่อน

Sony Walkman(SoundAbout) Tape
Sony Walkman CD Audio
Sony Walkman CD Audio (Inside)
Creative Muvo TX FM

และหลังจากนั้นช่วงหลังๆของมัธยมต้นด้วยความที่คลุกคลีอยู่กับพวกเพลงๆ จู่ๆก็เข้าสู่วงการเพลงไปเลยซะงั้น หัดเล่นกีตาร์ ทำวงดนตรีไปเลย ส่วนคอมพิวเตอร์กลายมาเป็นแหล่งหาข้อมูลการฝึกเล่นกีตาร์ หาคอร์ดเพลงไปซะงั้น ฮ่าๆๆ

เสียง Notification ของ MSN Messenger

ผ่านไปแต่ละปีๆ คร่าวๆ นะครับช่วงเวลานี้ เพราะหลังจากจบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแล้วชีวิตเกิดพลิกผันถูกจับมาวางไว้หน้าร้านคอยเป็นพ่อค้าขายของแทนคนในครอบครัวที่อายุเริ่มสุกงอมเข้าไปทุกที ด้วยความที่เป็นร้านในหมู่บ้านขายของชำนู่นนี่นั่นเป็นกิจการเล็กๆ จึงไม่สามารถบริหารเวลามาทำอะไรอย่างอื่นได้เลยในช่วงแรก คือระบบงานที่เราไม่เคยชิน การจัดการ ระบบหน้าร้านต่างๆอะไรมันต้องจัด ต้องทำใหม่หมดเลย ด้วยความที่เรียนจบด้านวิทยากา่รคอมพิวเตอร์มาจึงเปลี่ยนระบบบางส่วนลงใส่ในโปรแกรมเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ นอกจากนี้ยังเริ่มเรียนรู้ทำแอปพลิเคชันบนมือถือระบบ Android ด้วย ทำทั้งแอพบริหารงานร้านเอง รับจ้างทำโค้ดให้ชาวบ้านชาวช่อง แต่ที่เด็ดเลยก็เขียนแอปพลิเคชัน “เติมกะตังส์” ที่สำหรับแจกให้ทุกคนที่เป็นหน่วยเติมเงินเครือข่ายต่างๆ นำไปใช้ได้ฟรีๆ รองรับทุกเครือข่าย ไม่ต้องมานั่งเสียเวลากับการจิ้มกดตัวเลขเยอะแยะมากมาย ทำใช้เองนี่แหละครับ พอมันสะดวก มันเร็ว จัดการง่าย เห็นประโยชน์มากก็เลยทำแจกใน Playstore ไปเลย จนต่อมาทาง store ส่วนระบบเค้าให้จัดการกับฟังก์ชันบางส่วนซึ่งเราจำเป็นต้องใช้ในแอพนี้จริงๆคือการจัดการด้าน Privacy ของ SMS เราก็จัดการร้องขอไปทางทีมงานของ Playstore แล้วแต่เค้าไม่ให้อนุมัติให้ก็เลยถูกถอดออกจาก store เป็นที่เรียบร้อย ใครสนใจแนะนำไปจิ้มลงได้ที่นี่เลย apkpure ในนั้นล่าสุดคือเวอร์ชั่น 6.1b แต่ผมใช้เองพัฒนามาถึง 6.2 แล้วครับแต่ไม่ได้แจกจ่ายเวอร์ชั่นใหม่ซึ่งแก้ไข bugs ต่างๆจนหมดแล้วรองรับทุกขนาดหน้าจอจริงๆ เพราะปัจจุบันยังใช้เองอยู่ที่ร้านครับ ใช้กับหลายเครื่องหลากหลายขนาดหน้าจอเลยต้องทำรองรับขนาดนั้น ฮ่าๆๆ และอีกอย่างตอนนี้ยังไม่มีแอพไหนที่ดีกว่านี้ให้ใช้ครับในตลาดรวมทั้งของเครือข่ายเองยังไม่สะดวกเท่าของผมเลย พูดจริงๆ ฮ่าๆๆ อ้อผมทำแต่บนระบบ Android นะ iOS ไม่ได้ทำครับ เพราะไม่มี Apple devices ให้ทำเลยทำไม่ได้ นอกจากนี้ระหว่างที่อยู่บ้านก็มีน้องๆหลายมหาวิทยาลัย หลายรุ่นเลยมาปรึกษาโปรเจคจบเกี่ยวกับโปรแกรมต่างๆ ก็พากับจบกันมาหลายคน ไม่ได้รับจ้างทำนะ แค่ให้คำปรึกษาแนะนำเฉยๆ ที่เหลือให้น้องๆเค้าทำเอง และกลับมาที่งานที่ร้านครับจนมาช่วงหลังๆเริ่มจับทิศทาง บริหารเวลาเป็นจึงเริ่มมีเวลาว่างเพิ่มมากขึ้นจากนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็ได้เริ่มต้นที่ปี พ.ศ. 2563

แทม แท แด แด้ แทม แท่ม แทม แทม ผ่าม!!!

A Good Many


A Good Many

นั่นแหละครับที่ไปที่มาของการเริ่มเรื่องราวบทใหม่อีกครั้งกับ A Good Many ที่เป็นดังเช่นในปัจจุบัน ต้องบอกก่อนว่าการเริ่มอะไรใหม่ๆนั้น มันไม่ได้ยากที่มันเริ่มใหม่ แต่มันยากตรงที่ จะทำอย่างไร ให้มันเริ่มใหม่ แล้วเดินทางไปอย่างต่อเนื่อง นั่นแหละครับคือส่วนที่สำคัญ จากประสบการณ์ที่ผ่านๆ มาแล้วนั้น มันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเริ่มต้นของเราได้เป็นอย่างดี แต่แล้วมันก็ไม่ต่อเนื่องด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มีวันนี้คือ ความตั้งใจที่จะเริ่มใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนมาถึงวันนี้ และนี่จะเป็นครั้งที่การเดินทางของเราที่จะต่อเนื่องและยาวนานไปอย่างแน่นอน เพราะอะไรนะหรอครับ เพราะผมสมัครเช่า DNS นี้ ยาวถึง 10 ปีเลยไงครับ ฮ่าๆๆ (น้ำตาไหล T_T เงินในกระเป๋าก็ไหลเช่นเดียวกัน)

A Good Many มันจึงเป็นตัวตนของผมเองที่อยากจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่อยากจะนำเสนอให้คนที่ผ่านเข้ามา ได้รับรู้ ได้เห็น ได้เปิดสิ่งใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ เรื่องราวแปลกๆ ตั้งแต่มดยันโค้ดโปรแกรม ฮ่าๆๆ เพราะผมเชื่อเหลือเกินว่าสิ่งที่เราได้รับมา มันอาจมีประโยชน์มากมายกับคนอื่นๆ บ้างไม่มากก็น้อย บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่ามันอาจไม่มีประโยชน์สำหรับเรา บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่หลายๆ คนยังกำลังค้นหา หรือต้องการมันก็เป็นได้ มันจึงเกิดเป็น บทความหลากหลายรูปแบบ ที่ต้องการนำเสนอให้รู้ว่า ผมได้รับอะไรมาบ้าง และมันจะส่งต่อไปยังผู้ที่ผ่านเข้ามาอ่านต่อไปในทุกๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้น ฉะนี้แลครับ . . .

แนวคิดของการทำตัวละคร

มาถึงในส่วนของแนวคิดในการทำตัวละครครับ ต้องบอกไว้ก่อนว่าการทำตัวละครประกอบลงไปนี้จุดประสงค์แท้จริงคือการนำมาทำเป็นรูปโปรไฟล์ตามช่องทางต่างๆทั้ง Facebook Instagram Youtube Twitter นั่นแหละครับ แต่พอมันทำเสร็จไปแล้วก็เลยเป็นความคิดต่อยอดว่าเราน่าจะเอาตัวละครของเราไปใส่ไว้ในภาพต่างๆที่ประกอบบทความเราด้วยนะ หรือไม่อย่างนั้นก็ลองเอาตัวละครเรามาทำรีแอคติ้งต่างๆ ตามบทความนั้นไปก็น่าจะดี ก็เลยกลายมาเป็นภาพประกอบบทความอะไรหลายๆ อย่างตามมาอย่างเช่นรูปโปรไฟล์นี้ในโซเชียล

รูปโปรไฟล์ A Good Many

หรือจะเป็นภาพประกอบบทความต่างๆแบบนี้

หรือว่าจะเป็นโลโก้ของ #เป้สำรวจโลก แบบนี้

ซึ่งแน่นอนว่าการจะได้มาซึ่งแต่ละภาพก็ต้องใช้เวลาพอสมควรในการร่างแบบ วาดภาพ ลงสี เป็นที่แน่นอนว่านอกจากภาพถ่าย ภาพฟรีต่างๆที่ประกอบในบทความแล้ว จะขาดภาพประกอบที่วาดเองไม่ได้เลยแน่นอนครับ แท้จริงฝีมือการวาดรูปนี่คือความสามารถแบบงูๆ ปลาๆ วาดได้แค่เบื้องต้นเท่านั้นนะครับ ไม่ได้ช่ำชองอะไรมากมาย แค่อยากลองหัดวาดภาพดูและก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ (ถ้าภาพเหล่านั้นมันงดงาม แสดงว่าคุณต้องหน้าตาดีแน่ๆเลย อิอิ)

A Good Many Logo

สำหรับตัวละครการ์ตูนใน A Good Many แน่นอนว่าคุณต้องสะดุดตากับตัวการ์ตูนหัวขาวๆกลม มีขอบเป็นตัว G แบบนี้ ตัวนี้ชื่อว่า Mr.Good ครับ โดยไอเดียมาจากตัว G ที่มีส่วนโค้งคล้ายใบหน้าดีอยู่แล้ว จากนั้นก็ใส่ตาสีเหลืองให้มัน ก็เป็นคล้าย Double O มาละครับ ส่วนตัว D นะหรอครับ น่าจะมาจากคำว่า Define ฮ่าๆๆ ไม่ใช่ครับ D ก็คือ Daisy color เป็นสีตรงตามันนั่นแหละครับ แต่เผอิญตามันออกซีดๆไปหน่อยผมเลยปรับให้มันเป็นสีเหลืองสดๆไปเลยดีกว่า

และแน่นอนครับ เราได้ทำความรู้จักกันพอสมควรแล้ว ต่อจากนี้ไป เราจะไปพบกับเรื่องราวดีๆ ที่เราจะนำมาเสิร์ฟถึงหน้าจอคุณกันเลยทีเดียว ไปครับ ตามไปดู A Good Many กันเร๊วววว . . .


ติดตามเพิ่มเติมได้ที่

สามารถสนับสนุนเราได้ทางช่องทางต่อไปนี้

Lightning network (Tippin Me)

Lightning network (Alby)

Bitcoin

หรือสนับสนุนผ่านช่องทาง Verified creator เพียงแวะชม หรือให้ทริปเราผ่านเว็บบาวเซอร์ Brave


Exit mobile version